ในช่วงที่ผ่านมา เห็นจะมีเพียงแค่ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เท่านั้นที่จะพอต่อกรกับบาเยิร์นได้ในบุนเดสลีกา แต่มาถึงตอนนี้ดูเหมือนไลป์ซิกกำลังจะขอเข้ามาเอี่ยวด้วยอีกทีม พลพรรคกระทิงแดงเพิ่งจะขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้เพียง 3 ฤดูกาลเท่านั้น แต่พวกเขากลับสามารถคว้าตั๋วลุยศึกฟุตบอลยุโรปได้เป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกันแล้ว
และในแมตช์เดย์ 4 ที่ผ่านมาซึ่งไลป์ซิกเปิดบ้านรับการมาเยือนของบาเยิร์น มิวนิค พวกเขาลงเล่นในฐานะจ่าฝูงที่ชนะรวดทั้ง 3 นัดแรกและสามารถต้านทานความแข็งแกร่งของทีมเสือใต้ได้ด้วยการตามตีเสมอจากลูกจุดโทษในช่วงทดเวลาครึ่งแรก ทำให้ไลป์ซิกยังคงนำเป็นจ่าฝูงต่อไปและยังไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 2016 เมื่อไลป์ซิกต้องยกพลไปเยือนทีมยักษ์ใหญ่แห่งกรุงมิวนิคที่สนามอัลลิอันซ์ อารีน่าเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการการแข่งขันในลีกสูงสุดของเยอรมนีเป็นฤดูกาลแรกของพวกเขาด้วย ตอนนั้นพวกเขาสามารถแบ่ง 1 แต้มจากบาเยิร์นที่กำลังนำเป็นจ่าฝูงมาได้สำเร็จ ไลป์ซิกบุกไปยังกรุงมิวนิคด้วยความมั่นใจและหมายมั่นปั้นมือว่าจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้เช่นเดียวกับที่ไกเซอร์สเลาเทิร์นเคยทำไว้ นั่นคือการเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในบุนเดสลีกาแล้วคว้าแชมป์ลีกได้ในซีซั่นเดียวกัน
แม้บาเยิร์นจะเป็นฝ่ายคว้าแชมป์ไปได้ในฤดูกาลนั้น แต่การที่แอร์เบ ไลป์ซิกสามารถคว้ารองแชมป์ได้ ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง
ส่วนเกมที่ 2 ของฤดูกาลดังกล่าวที่ทั้งสองทีมฟาดแข้งกันในบ้านของไลป์ซิก พลพรรคกระทิงแดงสร้างเซอร์ไพรส์ยิงประตูขึ้นนำบาเยิร์นไปถึง 3-1 และ 4-2 ประตู แต่เสือใต้ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ยิงประตูตามตีเสมอและพลิกเอาชนะได้ด้วยสกอร์สุดมันส์ 5-4 ทั้งที่คว้าแชมป์ลีกไปเป็นที่แน่นอนแล้ว และสกอร์เดียวกันนี้ก็กลับมาหลอกหลอนไลป์ซิกอีกครั้งในเกมเดเอฟเบ โพคาลฤดูกาลต่อมา แต่ครั้งนี้เกมจบด้วยการดวลจุดโทษชี้ขาด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงเป็นที่รู้กันว่าเมื่อไหร่ที่สองทีมนี้โคจรมาเจอกันเป็นอันต้องเดือดดราม่าอย่างแน่นอน
ความดราม่ายังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องมาจนถึงฤดูกาล 2017/18 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไลป์ซิกสามารถเอาชนะบาเยิร์น มิวนิคได้สำเร็จ แม้ผลการแข่งขันจะไม่ได้ส่งผลต่อการคว้าแชมป์ลีกของเสือใต้ แต่มันเป็นการการันตีตั๋วลุยศึกยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีกให้กับไลป์ซิก แถมยังเสริมความมั่นใจให้กับชาวไลป์ซิกว่าพวกเขาก็สามารถจัดการบาเยิร์นได้อยู่หมัดเหมือนกัน
และแล้วก็มาถึงฤดูกาลล่าสุดที่ทั้งสองทีมโคจรมาพบกันเป็นหนที่ 9 เกมนี้ผลจบลงด้วยการเสมอฉีกแบ่งไปทีมละแต้ม โดยที่เกมการแข่งขันก็ยังเข้มข้นเช่นเคยตั้งแต่ในช่วงครึ่งเวลาแรกที่บาเยิร์นถูกปฏิเสธลูกจุดโทษจากการใช้ VAR แต่เป็นไลป์ซิกที่ได้จุดโทษตีเสมอได้ในช่วงทดเวลาครึ่งแรก ทำให้พวกเขายังคงนำเป็นจ่าฝูงต่อไปด้วยสถิติชนะ 3 เสมอ 1 มี 10 คะแนน ในขณะที่บาเยิร์นก็ยังคงตามมาติดๆ ที่ 8 แต้มรั้งอันดับ 4
หากเทียบประวัติศาสตร์ของทั้งสองสโมสร ก็ถือว่าไลป์ซิกนั้นยังคงห่างชั้นกับบาเยิร์นอยู่มากทีเดียว เพราะเสือใต้นั้นสร้างความสำเร็จมายาวนานจนต้องสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อเก็บถ้วยรางวัลจากการคว้าแชมป์มาแล้วกว่า 73 รายการ ส่วนประวัติศาสตร์ของไลป์ซิกนั้นยังสั้นนัก แต่ทว่าประวัติศาสตร์ก็ใช่จะสามารถการันตีอนาคตได้ ใครจะรู้ว่านี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่จะมีสโมสรหน้าใหม่ก้าวขึ้นมาโค่นบัลลังก์แชมป์ของบาเยิร์นมิวนิคได้เสียที…