การโดนสั่งแบนครั้งนี้สร้างความเสียหายหลายแสนกับ “เรือใบสีฟ้า” เนื่องจากเจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีกทีมล่าสุด หมายมั่นปั้นมืออยากจะครอบครองโทรฟี่ “บิ๊กเอียร์” เป็นครั้งแรกให้ได้เพราะนี่คือความสำเร็จเพียงรายการเดียวเท่านั้นที่พวกเขายังไม่เคยสัมผัสนับตั้งแต่ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามากุมบังเหียนเมื่อปี 2016
ที่สำคัญการที่ แมนฯ ซิตี้ โดนยูฟ่า แบนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในฤดูกาลนี้ เพราะอันดับในการลุ้นโควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก จากเดิมทีมที่ได้สิทธิ์มาจากสโมสรที่คว้าอันดับ 1-4 ในพรีเมียร์ลีก แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าทีมอันดับ 5 อาจจะมีลุ้นส้มหล่นได้สิทธิ์ดังกล่าวนี้ไปครอบครอง

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ลุ้นโควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก
หนึ่งในคำถามสำคัญที่ทุกๆ คนอย่างรู้ก็คือสโมสรไหนจะได้รับสิทธิ์ไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก หากทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า จบฤดูกาลในอันดับท็อปโฟร์
สำหรับสถานการณ์ในเวลานี้ ยูฟ่า และ พรีเมียร์ลีก ยังไม่ได้ยืนยันว่าจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับอันดับโควตาในการไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปหรือไม่
แต่ตามกฎข้อ 4.08 ของ ยูฟ่า ที่ระบุเอาไว้ว่า “สโมสรซึ่งไม่ถูกยอมรับให้ได้เข้าแข่งขันนั้น จะถูกแทนที่โดยทีมอันดับดีที่สุดทีมต่อไปจากลีกภายในประเทศของสมาคมฟุตบอลเดียวกัน ถ้าเกิดทีมที่จะได้ลงเล่นแทนมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ หนึ่งในทางออกที่เป็นไปได้คือการให้ทีมที่จบด้วยอันดับ 5 ได้สิทธิ์เล่นรายการชิงแชมป์ระดับสโมสรที่ใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป”
จากกรณีนี้นั่นหมายความว่า “ดาบคู่” ของกุนซือคริส ไวล์เดอร์ ซึ่งปัจจุบันรั้งอยู่อันดับ 5 และเกมลีกเหลือแค่ 12 แมตช์ เป็นตัวเต็งที่จะได้สิทธิ์ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก หาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จบฤดูกาลในอันดับท็อปโฟร์
หากเป็นแบบนั้น เชฟฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเล่นในระดับดิวิชั่น 3 ของอังกฤษ เมื่อ 3 ปีก่อน และลงแข่งในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา จะมีโอกาสได้ดวลกับ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า, “ม้าลาย” ยูเวนตุส, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และอีกหลายๆสโมสรชั้นนำในยุโรป
อย่างไรก็ตาม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด อาจจะต้องเสียอันดับ 5 ไปก็ได้หากเกิดกรณีที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เอาชนะ แอสตัน วิลล่า ในเกมลีกวันอาทิตย์นี้ เนื่องจากตอนนี้ทีมของกุนซือโชเซ่ มูรินโญ่ ตามหลัง “ดาบคู่” เพียงแค่ 2 แต้ม และแข่งน้อยกว่า 1 นัดนั่นเอง

อาร์เซน่อล และ แมนฯ ยูไนเต็ด มีความหวังขึ้นมาทันที
ฤดูกาลนี้ของ อาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องบอกว่าน่าผิดหวังสิ้นดี เพราะพวกเขาทำผลงานได้ย่ำแย่เกินกว่าที่แฟนบอลจะรับได้ โดยทัพ “ปีศาจแดง” รั้งอยู่ในอันดับ 8 มีเพียง 35 คะแนน ตามหลัง เชลซี ทีมอันดับ 4 ซึ่งเป็นโควตาสุดท้ายแชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 6 คะแนน ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ที่ แมนฯ ซิตี้ โดนสั่งแบน
สำหรับตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เพราะทีมของกุนซือโอเล่ กุนนาร์ โซลชา สามารถเล็งไปที่อันดับ 5 ซึ่งพวกเขาตามหลัง เชฟฯ ยูฯ เพียงแค่ 4 แต้มเท่านั้น ที่สำคัญหาก แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ตั๋วไปลุยถ้วยใบโตยุโรปฤดูกาลหน้า มีความเป็นไปได้ที่ “น้าลูกอม” ซึ่งตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการที่ทีมทำผลงานสุดห่วยตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา จะได้โอกาสคุมทีมในระยะยาว
ขณะที่ อาร์เซน่อล ปัจจุบันรั้งอันดับ 10 ตามหลัง “สิงโตน้ำเงินคราม” 10 คะแนน และดูเหมือนว่าโอกาสไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าแทบจะเลือนลาง ที่สำคัญการเก็บได้ 31 คะแนนจากการเล่น 25 เกมถือว่าต่ำที่สุดของสโมสรนับตั้งแต่ฤดูกาล 1912/13 แถมยังเสมอ 13 แมตช์ และชนะแค่ 6 เกมเท่านั้น
“เดอะ กันเนอร์ส” ไม่ได้สัมผัสบรรยากาศในแชมเปี้ยนส์ ลีก มานานถึง 3 ปี แถมแมตช์สุดท้ายในการลงเล่นถ้วยใบโตยุโรปพวกเขาแพ้ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิว สกอร์รวม 10-2 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อฤดูกาล2016/17 กระนั้นหากทีมของมิเกล อาร์เตเต้า สามารถเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในเกมลีกวันอาทิตย์นี้ พวกเขาจะลดช่องว่างจาก “ดาบคู่” เหลือแค่ 5 แต้มเท่านั้น

ลุ้นระทึกกันหลายทีม
แฟนบอลมากมายต่างมองไปที่บรรดาทีมชั้นนำอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล, “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, และ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน มีโอกาสที่จะทำอันดับแซงหน้า เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เพื่อคว้าที่ 5 เพื่อสิทธิ์ในการได้ตั๋วใบสุดท้ายเข้าไปชิงชัยโทรฟี่ “หูกาง”
กระนั้นถ้าหากมองความเป็นไปได้ในเวลานี้ เบิร์นลี่ย์, นิวคาสเซิ่ล, “นักบุญ” เซาธ์แฮมป์ตัน, “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ รวมไปถึง “ปราสาทเรือนแก้ว” คริสตัล พาเลซ ก็มีสิทธิ์ที่จะคว้า “พุงปลา” ไปครอบครอง เนื่องจากทีมเหล่านี้มีคะแนนเบียดกันพอสมควร หากพวกทีมใหญ่พลาดเกมหรือสองเกม มีสิทธิ์โดนทำแต้มแซงทันที
ลองนึกภาพทีมอย่าง เบิร์นลี่ย์, วูล์ฟส์, “เดอะ เซนต์ส” หรือแม้แต่พาเลซ ได้ลงสนามไปดวลกับบรรดาสโมสรชั้นนำในยุโรป อย่างเช่น เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค รวมไปถึง บาร์ซ่า กับ ยูเวนตุส เป็นต้น มันคงน่าตื่นเต้น และเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของวงการฟุตบอลอย่างแท้จริง