โชเซ่ มูรินโญ่ 7 เดือนหลังจากที่ต้องการเป็นคนว่างงานเมื่อถูก “ปีศาจแดง” อันเชิญออกจากเก้าอี้นายใหญ่แห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แม้ในช่วงเวลานั้นเขาจะได้รับข้อเสนอมากมายก็ตาม แต่เจ้าตัวตัดสินใจที่จะไม่สนคุมทีมไหนทั้งสิ้น และหันไปจับงานเป็นกูรูลูกหนังทางหน้าจอทีวี (คอมพิวเตอร์) เป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตามมีเสียงค่อนขอดถึงสาเหตุที่ “เฮียมู” ไม่รับงานเพราะดูเหมือนเขาจะหมดสภาพ หรือเรียกว่า “แก่เกินแกง” ไปแล้วกับการทำงานผู้จัดการทีม (เทรนเนอร์) อย่างไรก็ตามตอนนี้ มูรินโญ่ พร้อมที่จะพิสูจน์ให้โลกลูกหนังได้รู้ว่าเขายังคงเป็น “สเปเชียล วัน” อยู่เสมอ
มูรินโญ่ ผ่านการกุมบังเหียนสโมสรดังๆ มากมายทั้ง ปอร์โต้, เชลซี, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด และแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งทุกสโมสรที่เขาวางแท็คติกสามารถนำความสำเร็จไปตั้งตู้โชว์ประจำทีม อย่างไรก็ตาม ความผิดหวังในการคุม “ปีศาจแดง” ทำให้นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ทศวรรษที่ โค้ชชาวโปรตุกีส ไม่ได้ทำหน้าที่กุมบังเหียนสโมสรลงเล่นช่วงปรีซีซั่น
สำหรับตอนนี้ มูรินโญ่ พร้อมแวที่จะนำลีลาการคุมทีมแบบก้าวร้าวกวนประสาท กลับมาสู่วงการฟุตบอลระดับสูงอีกครั้ง ที่สำคัญเจ้าตัวพร้อมพิสูจน์ให้เห็นว่าเสียงวิจารณ์ในแง่ลบที่บอกว่าเขาหมดน้ำยานับตั้งแต่โดน แมนฯ ยูฯ ไล่ออก เป็นเรื่องที่ผิดมหันต์
“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เวลาคิดทบทวน เป็นครั้งแรกที่ผมอยู่ที่เมืองเซตูบัล (บ้านเกิดของ มูรินโญ่) ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม หรือต้นเดือนสิงหาคมมานานกว่า 20 ปีเห็นจะได้ ผมได้มีเวลาคิด, ทบทวนไตร่ตรอง รวมทั้งวิเคราะห์ตัวเอง และสิ่งที่ผมรู้สึกก็คือการได้เป็น “เซ” (ชื่อเล่นของ มูรินโญ่ ตอนเด็กๆ) ที่เต็มไปด้วยไฟแห่งความมุ่งมั่น”
“เพื่อนๆ ของผมบอกกับผมว่า -สนุกกับช่วงเวลานี้ของนาย, สนุกกับเดือนกรกฎาคม, มีความสุขกับเดือนสิงหาคม ที่สำคัญสนุกกับสิ่งที่นายไม่เคยมีมาก่อน- บอกตามตรง ผมไม่สามารถสนุกได้เลย ผมไม่มีความสุขมากพอที่จะสนุกแบบนั้นจริงๆ ผมคิดถึงฟุตบอล ผมยังมีไฟเต็มเปี่ยม ผมสัญญากับตัวเอง, ผู้คนที่รักผม, แฟนบอลจำนวนมากของผมทั่วโลก ดังนั้นมีผู้คนมากมายเป็นแรงบันดาลใจของผม”
“เซ ยังคงเป็น เซ และเป็น เซ ไปจนถึงวันสุดท้าย แต่ผมยังมองไม่เห็นช่วงวันสุดท้ายเพราะก้าวต่อไปของผมจะเป็นเหมือนการเริ่มต้นใหม่ ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเพียงแค่ 1 ปีในช่วงหลายปีที่ผมทำงาน หรือผมคว้าแชมป์มากแค่ไหน นั่นเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว”
“อนาคตของผมจะเริ่มต้นกับก้าวย่างครั้งต่อไปของผม ก็อย่างที่ผมเพิ่งพูดไป มันอาจดูเหมือนเรื่องน่าตลกกับหลายๆ สิ่งที่สวยงามที่อยู่ล้อมรอบตัวผม และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมยังไม่ได้ทำในช่วงหลายปี แต่ผมไม่มีความสุขกับช่วงเวลาว่างของผมเลยจริงๆ”
มูรินโญ่ ซึ่งเคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยกับการคุม เชลซี 2 ครั้ง พร้อมกับคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ปอร์โต้ และ อินเตอร์ มิลาน ยังไม่ได้รับข้อเสนอในการกลับมากุมบังเหียน อย่างไรก็ตาม “เฮียมู” เคยมีข่าวว่า เบนฟิก้า สนใจอยากได้ตัวไปคุมทีมในลีกบ้านเกิด รวมทั้งยังเคยได้รับข้อเสนอจำนวนมหาศาลจากสโมสรในศึกไชนีส ซูเปอร์ลีก ประเทศจีน ซึ่งยินดีจ่ายค่าเหนื่อยสมองให้แพงที่สุดในโลก แต่เขาปฏิเสธทั้ง 2 โอกาสทิ้งไป
เหตุผลที่ทำแบบนั้นเพราะ มูรินโญ่ ยังคงรู้สึกว่าเขาสามารถทำงานในลีกระดับสูงได้ และพร้อมที่จะชิงดีชิงเด่นกับบรรดาโค้ชสมัยใหม่ทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล “มันเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับผมที่จะพูดคำว่า “ไม่” ผมต้องการทำงาน เพราะข้างในหัวใจของผมเต็มไปด้วยแรงกระตุ้นที่อยากจะทำงานเสมอ”
“ถ้าผมมีโอกาสได้ทำงาน ผมอยากบอกว่า -พร้อมทำงานเสมอ- รวมทั้งการพูดว่าไม่มีอะไรยากลำบากเลย ทำไมผมถึงตอบ “ปฏิเสธ” นะเหรอ ? ผมพูดว่า “ไม่” เพราะมันไม่ใช่ระดับการทำงานที่ท้าทายในสิ่งที่ผมต้องการ แต่ด้วยความเคารพมันก็เป็นไปได้ที่ผมจะรับงาน กับทุกๆ สโมสรที่เกี่ยวข้องกับผม”
“แต่ผมอยากมีสิทธิ์เลือกว่าใครที่เป็นมูรินยิสต้า ซึ่งเป็นศัพท์ที่คนในโปรตุเกส? สเปน? และอิตาลี? ใช้เรียกคนที่เป็นแฟนตัวยง บรรดา “มูรินนิสต้า” อยากให้ผมอยู่ในที่ที่เป็นของผม สำหรับตอนนี้ไม่มีคำถามที่จะต้องตอบว่า “โอเค ผมได้รับข้อเสนอนี้ และผมจะตอบรับมัน” ผมยังคงอดทน และรอคอยโอกาสที่เหมาะสม”
กุนซือจอมยียวน สนใจอยากคุมทีมในระดับลีกโดยเฉพาะ 5 ลีกใหญ่ในยุโรปได้แก่ พรีเมียร์ลีก, ลา ลีกา, กัลโช่ เซเรีย อา, ลีก เอิง และ บุนเดสลีกา แต่สำหรับงานกุมบังเหียนทีมชาติโปรตุเกสนั้น เจ้าตัวมองว่ายังไม่ถึงเวลา “สำหรับการทำงานคุมทีมชาติ มีเกมลงแข่ง 1 แมตช์ต่อเดือน ? ส่วนใหญ่จะเป็นงานในออฟฟิศ ไม่ได้ลงสนาม ไม่มีการแข่งขัน ต้องรอ 2 ปีเพื่อคุมทีมเล่นในเกมชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือรอ 2 ปีคุมทีมเล่นฟุตบอลโลก ไม่ ยังไม่ถึงเวลา !”