เกมนี้ เชลซี นำก่อนจาก โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ในนาทีที่ 36 ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะตีเสมอได้จาก ซาดิโอ มาเน่ ในนาทีที่ 48 ซึ่งในช่วงเวลาปกติไม่มีใครทำอะไรเพิ่มได้จนต้องไปวัดกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ โดยหนนี้ “หงส์แดง” ขึ้นนำบ้างจาก มาเน่ ในนาทีที่ 95 แต่ “สิงโตน้ำเงินคราม” ก็ตีเสมอได้จากลูกจุดโทษของ จอร์จินโญ่ ในนาทีที่ 101 ทำให้ต้องตัดสินผู้ชนะในช่วงดวลจุดโทษ ซึ่งฝั่ง เชลซี พลาดไป 1 คน ได้แก่ แทมมี่ อับราฮัม ที่เป็นคนยิงลูกจุดโทษคนสุดท้ายของทีม ขณะที่ ลิเวอร์พูล ยิงเข้าทั้ง 5 ราย
แลมพาร์ด เผยว่า “ผมเคารพ ลิเวอร์พูล และพวกเขาก็มีโอกาสทำประตูหลายครั้ง แต่สำหรับผมแล้วมันเห็นได้ชัดเจนว่าเราเล่นได้ดีกว่า เราโชคร้ายหลายจังหวะ และอาจจะจบสกอร์ได้ไม่ดีเท่าไหร่ในตอนที่เราควรจะต้องมีความเฉียบตมมากกว่านี้ แต่ความรู้สึกโดยรวมของผมน่ะ ผมต้องบอกเลยว่าผมภูมิใจกับฟอร์มการเล่นของทีมมากๆ”
“ผมไม่ชอบเป็นฝ่ายแพ้ ผมเป็นผู้แพ้ที่แย่ เราทุกคนที่ เชลซี ต่างก็เป็นแบบนั้น เราอยากเป็นผู้ชนะในเกมนี้ แต่เราโชคร้าย ผมพอใจกับผลงานของลูกทีมแล้ว ถ้านี่เป็นสัญญาณที่สื่อถึงสิ่งที่เรามีโอกาสจะทำได้ในฤดูกาลนี้แล้วล่ะก็ ผมก็ต้องบอกเลยว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีทีเดียว ซึ่งเราก็จะเล่นได้ดีขึ้นแน่”
ทั้งนี้ อดีตยอดกองกลางชาวอังกฤษเสริมว่าตนไม่โทษ อับราฮัม แต่อย่างใด ที่ยิงลูกจุดโทษไม่เข้า “ผมบอกกับเขาว่าไม่ต้องไปกังวลอะไร (ที่ยิงไม่เข้า) การที่เขามีความมั่นใจและอยากเป็นคนยิงลูกจุดโทษคนที่ 5 เองมันทำให้ผมพอใจมากๆ ผมเองเคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ทุกคนยิงจุดโทษพลาดได้ทั้งนั้น แต่สิ่งที่ผมต้องการเห็นคือการที่นักเตะดาวรุ่งมีความมั่นใจที่จะก้าวขึ้นมารับหน้าที่นั้น มันเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเตะชั้นยอด ซึ่งตอนนี้ แทมมี่ ก็อยู่ในระดับนั้นแล้ว มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้อยู่เสมอ และเราก็ต้องให้กำลังใจเขา เพราะฟุตบอลมันก็เป็นแบบนั้นแหละ”