SHARE

“วู๊ดดี้” เริ่มเปิดทริปเมื่อวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2563 และได้โพสต์กระทู้ผ่านเว็บไซต์ Pantip.com เพื่อรายรายงานความเคลื่อนไหวของตัวเองในการปั่นจักรยานจากประเทศไทยไปยังเมือง ลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ

เข้าสู่วันที่ 4 ของการปั่น หลังเดินทางถึงเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า ช่วงกลางดึกของคืนวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา “วู๊ดดี้” ได้ออกมาเผยผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวว่าได้ยกเลิกการเดินทางครั้งนี้แล้ว เนื่องจากเจออุปสรรคหลายอย่างโดยเฉพาะการที่ อินเดีย ประกาศปิดประเทศจึงทำให้ตนไม่สามารถใช้เส้นทางผ่านต่อไปได้

แม้จะเจออุปสรรคแต่ “วู๊ดดี้” ยังมีความตั้งใจที่จะเดินทางไปต่อโดยจะนั่งเครื่องบินไปลง ตุรกี แล้วปั่นจักรยานไปต่อตามแผนที่วางไว้ ทว่าหลังได้ปรึกษากับเพื่อนๆ แล้วทุกคนมีความเห็นว่าเสี่ยงเกินไปเพราะเส้นทางจะต้องผ่านทั้ง เยอรมนี และ ฝรั่งเศส ที่กำลังโดนพิษไวรัส โควิด-19 เล่นงาน จึงสรุปกันว่าการเดินทางครั้งนี้ต้องยกเลิกเป็นที่เรียบร้อย โดยแฟนหงส์รายนี้จะเดินทางกลับบ้านเพื่อกักตัวเอง 14 วัน

ทั้งนี้ “วู๊ดดี้” ได้เผยความในใจว่า การเดินทางครั้งนี้เกิดจากความฝันของตัวเองล้วนๆ โดยตั้งใจว่าเมื่อถึงจุดหมายแล้วจะพยายามไปขอลายเซ็นผู้เล่น ลิเวอร์พูล ให้มากที่สุดเพื่อนำมาประมูลรายได้เข้ากองทุนโรงพยาบาลอุ้มผางและสถานบริการสาธารณสุขชายแดนจังหวัดตาก อย่างไรก็ตามเจ้าตัวยังมีความตั้งใจที่จะทำตามฝันนี้ให้สำเร็จ พร้อมทิ้งท้ายว่า “เพื่อความฝันขอกลับไปตั้งหลักใหม่ เมื่อทุกอย่างพร้อมผมจะไปอีก…”

เป็นเรื่องที่ทำใจยากมากกับการตัดจบแบบนี้แม้จะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่พอเจอเข้าจริง บอกเลย ถึงกับเคว้ง ผมเตรียมตัวเดินทางทริปนี้มาเป็นเวลาเกือบสองปี ในช่วงปีสุดท้ายถึงกับไม่รับงานอะไรเลยเพราะอยากทำความฝันให้เป็นจริง เชื่อไหมตอนแรกทีผมบอกกับใครต่อใครว่าผมจะปั่นจักรยานไปลิเวอร์พูล คนที่ไม่รู้เรื่องจักรยานทางไกลก็บอกว่าผมโม้ ส่วนคนที่อยู่ในแวดวงก็บอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะปั่นข้ามจากอิหร่านเข้ายุโรปโดยเฉพาะไปอังกฤษ ด้วยความที่พวกเค้าเชื่อสองประเทศนี้ไม่ถูกกันแต่ผมก็เริ่มทยอยทำเรื่องของวีซ่าทีละประเทศที่เป็นทางผ่านจนประเทศสุดท้ายคืออังกฤษ

ด้วยเหตุผลซื่อๆตรงๆว่าผมอยากไปเห็นทีมรักผมชูถ้วยแชมป์ด้วยสายตาตัวเองโดยที่ผมจะปั่นจักรยานไป ผมแนบแผนการเดินทางว่าในแต่ละวันผมจะปั่นกี่กิโลเมตรจะนอนที่ไหนอย่างไร ประเทศในกลุ่มเชงเก้นผมต้องจองโรงแรมและส่งเอกสารแนบไปว่าแต่ละคืนผมนอนที่ไหนบ้าง ผมต้องแสดงตั๋วเครื่องบินที่จะเดินทางกลับว่าผมมีตั๋วนะไม่คิดจะอยู่ประเทศคุณหรอก ผมต้องแสดงวิถึการปั่นจักรยานของผมให้เค้าเห็นว่าการปั่นจักรยานทางไกลแบบนี้ผมทำมาหลายครั้งแล้ว และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อจะทำให้คนที่อนุมัติวีซ่าเชื่อว่า ผมทำได้…

แม้กระทั่งกะทิชาวเกาะ ผมก็เดินดุ้ยๆเข้าไปหาและบอกเค้าว่าที่ผมเข้ามาหาไม่ได้ต้องการที่จะได้รับการสนับสนุนด้านการเงินแต่ขอให้ช่วยประสานเรื่องตั๋วการเข้าชมให้ผมทีเพราะราคามันแพงซึ่งทางกระทิชาวเกาะก็ช่วยประสานงานให้ผมจนได้เข้าไปดูผมจึงเริ่มออกเดินทาง จากแผนการเดินทางที่ลากเส้นไว้จนวันออกเดินทางมีการปรับแก้เพื่อความเหมาะสมอยู่ตลอดเวลา เพื่อทำอย่างไรก็ได้ที่จะทำฝันให้เป็นจริง ตั้งแต่การไม่ปั่นเข้าปากีสถานเพราะเค้าทะเลาะกับอินเดีย จนไม่เข้าอิหร่านเพราะปัญหาโควิค จนเลยมาถึงอิตาลี แบบว่าปรับแผนจนวันสุดท้ายก่อนออกเดินทาง..

พอออกเดินทางจริงก็คาดว่าทุกอย่างคงผ่านไปได้ด้วยดี จนวันที่สี่ผมเจอนักปั่นเซอร์เบียที่พักโรงแรมเดียวกันซึ่งปั่นมาจากอินเดียแจ้งผมว่า ด่านตามูปิดแล้ว ห้ามออกเมื่อวานเลยปั่นไปคิดไปว่าจะทำอย่างไร จนมาถึงย่างกุ้งเช้าวันนี้นักปั่นที่อยู่ในอินเดียก็ส่งคำประกาศปิดประเทศอินเดียมาให้ อ่านเสร็จผมเลยไม่ปั่นต่อเลยเพราะมีน ไม่รู้จะทำอย่างไร นั่งไล่อ่านความเคลื่อนไหวของนักปั่นตามจุดต่างๆ ทุกคนรายงานเหมือนกันหมดคือไปไหนไม่ได้ต้องหาที่อยู่กัน บางคนจับเครื่องมาไทย บางคนไปบาหลี เราคุยกันว่า การ shut down ของอีกหลายประเทศจะตามมา ตอนนี้เลยหาที่พักกันวุ่นเลย

ส่วนผมตอนแรกว่าจะลุยต่อคือนั่งเครื่องไปลงตุรกีและปั่นต่อไปตามแผนแต่พอได้คุยกับเพื่อนๆแล้วทุกคนลงความเห็นว่าเสี่ยงเกินไปเพราะเส้นทางปั่นจะต้องผ่านทั้งเยอรมันและฝรั่งเศส ไม่เป็นอะไรไปมันก็ดีแต่ถ้าเป็นมาแล้วโดนลากไส้ขึ้นมาด่าแน่นอน จึงสรุปกันมาว่าจะปั่นในพม่าย้อนกลับทางด่านแม่สายโดยปั่นขึ้นไปที่ด่านก่อนแต่ช่วงเย็นมีคนมาบอกว่าพรุ่งนี้พม่าอาจจะประชุมหารือกันและปรับนโยบายใหม่ หมดกัน แนวทางตอนนี้คือผมคงโบกแท๊กซี่กลับแม่สอดแล้วไปกักตัวเองที่บ้าน14 วัน ที่เหลือก็แล้วแต่ฟ้าเลยครับ…

การเดินทางครั้งนี้ไปด้วยความบ้าที่จะล่าฝันของตัวเองล้วนๆใจกะว่าเมื่อถึงแล้ว จะพยามเข้าไปขอเสื้อนักเตะพร้อมลายเซ็นต์ให้ได้มากที่สุดเพื่อนำมาประมูลเพื่อนำรายได้เข้ากองทุนโรงพยาบาลอุ้มผางและสถานบริการสาธารณสุขชายแดนจังหวัดตาก ซึ่งตอนนี้โรงพยาบาลทั้งห้าโรงเป็นหนี้รวมกันเกือบร้อยล้านบาท ผมกะว่าการปั่นไปครั้งนี้ผมจะหาเงินมาช่วยได้บ้างแต่ไปไม่ถึงซะนี่ รู้สึกผิดหวังมากมาย การเดินทางครั้งนี้ผมใช้ทุนส่วนตัวล้วนๆโดยมีเพื่อนพี่น้องช่วยสมทบทุนมาบ้างรวมทั้งผมทำหนังสือขายเพื่อเป็นทุนเดินทาง เลยสะบักสะบอมพอควร แต่เพื่อความฝันขอกลับไปตั้งหลักใหม่ เมื่อทุกอย่างพร้อมผมจะไปอีก…

สุดท้ายต้องขอโทษกองเชียร์และสื่อต่างๆที่กระจายข่าวด้วยนะครับที่ผมทำไม่สำเร็จ ขอโทษจริงๆครับ

รักคนอ่าน

woody