SHARE

แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มทำผลงานได้ดีขึ้นในพักหลัง โดยพวกเขาไม่แพ้ในลีกมา 5 นัดติดต่อกัน แบ่งเป็นชนะ 3 เกม และเสมอ 2 หน ถึงกระนั้น ก่อนหน้านี้พวกเขาเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่จนทำให้ตอนนี้เป็นเพียงอันดับ 5 ของตารางคะแนน และดูแล้วยังห่างไกลกับฟอร์มในอดีตที่เคยทำให้ทีมได้แชมป์ลีกแบบเป็นกอบเป็นกำ

ทั้งนี้ โซลชา รวมถึงผู้บริหารและอดีตนักเตะหลายคนของ แมนฯ ยูไนเต็ด มักจะออกมาบอกบ่อยๆ ว่ามันต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่ “ปีศาจแดง” ในยุคของกุนซือชาวนอร์เวย์จะกลับไปยิ่งใหญ่เหมือนในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ และมันมักจะมีการเอา ลิเวอร์พูล มาเป็นตัวอย่างด้วย ทั้งในด้านการที่ “หงส์แดง” รอคอยแชมป์ลีกมานานถึง 30 ปี ก่อนที่จะมามีลุ้นแชมป์ลีกในซีซั่นนี้ รวมถึงการที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ใช้เวลาทำทีมมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2015

“ตอนนี้มาตรฐานที่ว่าต้องทำอะไรถึงจะได้แชมป์ลีกมันสูงขึ้นแล้ว แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ทำให้มาตรฐานมันเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ต้องขึ้นไปถึงระดับนั้นให้ได้ ยูไนเต็ด ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมในกรณีที่ แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล เริ่มฟอร์มตก ซึ่งผมเชื่อว่าทั้ง 2 ทีมอาจจะฟอร์มตกในอีก 2 ปีต่อจากนี้ ผมไม่คิดว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะยังอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในอีก 2 หรือ 3 ปีหลังจากนี้ กรณีของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เองผมก็คิดว่ามันจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน (หมายถึง คล็อปป์ อาจจะลา ลิเวอร์พูล ในอีก 2-3 ปี) บางทีมันอาจจะเป็นความหวังของผมก็ได้น่ะนะ”

“แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องทำให้ตัวเองอยู่ในจุดที่พร้อมจะคว้าโอกาสเอาไว้ให้ได้หากมันเป็นอย่างนั้น ในฤดูกาลหน้าผมคาดหวังว่าพวกเขาจะทำผลงานได้ดีขึ้น และผมคาดหวังว่าพวกเขาจะมีลุ้นแชมป์ และมีศักยภาพที่จะได้แชมป์ในอีก 2 หรือ 3 ปี”