อย่างไรก็ตาม ดาวเตะทีมชาติบราซิล ทำผลงานไม่ดีอย่างที่สโมสรและแฟนบอลคาดหวัง จนโดนส่งมาให้ บาเยิร์น มิวนิค ยืมตัวในฤดูกาลนี้ และถึงแม้เจ้าตัวทำผลงานได้น่าพอใจ จากการทำ 9 ประตู จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 32 นัด แต่ บาเยิร์น ตัดสินใจที่จะไม่ใช้ออปชั่นซื้อขาด และคาดว่าก็จะไม่มีอนาคตในถิ่นคัมป์ นู ต่อไปเช่นกัน
นี่คือ 3 เหตุผลทำไม “ปืนใหญ่” คุ้มค่าที่จะเสี่ยงแก่การดึงตัว คูตินโญ่ มาเสริมทัพ
มีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกมาแล้ว
ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงที่ คูตินโญ่ โชว์ผลงานได้ดีที่สุดในอาชีพการเล่นคือสมัยที่เล่นให้กับ ลิเวอร์พูล จากการทำไปทั้งสิ้น 54 ประตูจากการลงสนาม 201 เกมทุกรายการ หลังย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน มาเล่นในถิ่นแอลฟิลด์ ในปี 2013 ด้วยค่าตัวเพียง 8.5 ล้านปอนด์

ก่อนที่เจ้าตัวจะสถาปนาตัวเองขึ้นมาจนกลายเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีสุดในยุโรป ณ เวลานั้น และทำกำไรให้สโมสรได้อื้อซ่า จากการปล่อยให้ บาร์เซโลน่า ด้วยราคา 142 ล้านปอนด์ ในปี 2018 และนี่นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับ คูตี้ ที่จะกลับมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง ซึ่งน่าจะใช้เวลาปรับตัวได้ไม่ยาก
ราคาไม่สูงเกินไป
แม้ อาร์เซน่อล จะเป็นสโมสรที่ไม่ได้มีนโยบายทุ่มเงินซื้อนักเตะอย่างบ้าคลั่ง แถมในช่วงนี้ยังต้องโดนพิษจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามเล่นงานอีก ทำให้เชื่อว่าช่วงซัมเมอร์นี้จะไม่ได้เห็นทีม “ปืนใหญ่” ใช้เงินมหาศาลทุ่มซื้อนักเตะอีกแน่ๆ หลังเพิ่งจะสอย นิโกล่าส์ เปเป้ ปีกจาก ลีลล์ มาร่วมทีมด้วยค่าตัวถึง 72 ล้นปอนด์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และค่าตัวของ คูตินโญ่ ในตอนนี้มีโอกาสที่ลดลงมาอยู่ที่ราว 60 ล้านปอนด์เท่านั้น

แต่ถึงกระนั้นทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ก็มีโอกาสที่จะได้เม็ดเงินจำนวนหนึ่งจากการขายบรรดาแข้งในทีมออกไปไม่ว่าจะเป็น ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง ดาวยิงตัวเก่งที่ยังไม่ได้ต่อสัญญาฉบับใหม่ ทำให้สโมสรอาจจำใจต้องขายออกไปในช่วงซัมเมอร์นี้ หากไม่อยากเสี่ยงที่จะเสียฟรีไปในปีหน้า หรืออาจจะแนบ โอเบาเมย็อง อยู่ในข้อเสนอในการคว้าตัว คูตินโญ่ เพราะนักเตะก็ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับทีม “เจ้าบุญทุ่ม” เช่นกัน
ขณะที่แข้งส่วนเกินรายอื่นๆที่คาดว่า “ปืนใหญ่” จะไม่เก็บไว้ใช้งานต่อไปมีทั้ง เฮนริค มคิตาร์ยาน ที่ปล่อยไปให้ โรม่า ยืมใช้งาน, ชโคดราน มุสตาฟี่, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส หรือ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ก็อยู่ในข่ายเช่นเดียวกัน
เพิ่มศักยภาพให้แนวรุก
หาก คูตินโญ่ ย้ายมาอยู่กับ อาร์เซน่อล เขาน่าจะได้ลงเล่นแทน เมซุส โอซิล ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกตามถนัดในระบบ 4-2-3-1 หลังจากที่ผ่านมาอดีตแข้งทีมชาติเยอรมันทำผลงานดร็อปลงไปอย่างชัดเจนนับตั้งแต่ในยุคของ อูไนเอเมรี่ มาจนถึง มิเกล อาร์เตต้า ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งทำได้ 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์เท่านั้นในยุคของกุนซือชาวสแปนิช ในขณะเดียวกันจะเป็นการสร้างแรงกดดันให้กับ โอซิล ในการเรียกฟอร์มเก่งกลับมาอีกครั้ง

ขณะที่ผลงานของ คูตินโญ่ นั้นแม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงดีที่สุดของเขา แต่ก็สามารถทำได้ถึง 8 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 22 เกมในบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ นอกจากนี้ คูตี้ จะได้ย้ายมาประสานงานร่วมกับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ รุ่นน้องทีมชาติที่เป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองอย่างมาก