ปัจจุบันผู้เล่นดาวรุ่งนั้นมีมูลค่าทางการตลาดที่สูงมาก ซึ่งฤดูกาลนี้หลายๆสโมสรในพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะทีมชั้นนำหันมาเล็งให้ความสำคัญในการดันแข้งจากชุดเยาวชนขึ้นมามีบทบาทในทีมชุดใหญ่มากขึ้น ซึ่งก็มีหลายคนที่สามารถแจ้งเกิดได้สำเร็จ จนได้รับการจับตามองเป็นย่างมาก ส่วนจะมีใครที่ก้าวขึ้นมาแจ้งเกิดได้บ้าง เรารวบรวมมาฝากกัน
12.มักซ์ แอรอนส์ (นอริช ซิตี้)

แบ็กขวาเลือดผู้ดีเป็นหนึ่งในแข้งดาวรุ่งจากรั้วนอริชที่ได้รับการจับตามองอย่างมาก หลังโชว์ฟอร์มโดดเด่นให้กับทัพ “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” ซีซั่นนี้ โดยมีทีเด็ดอยู่ที่การมีความเร็วสูงและการเติมเกมรุกที่ยอดเยี่ยม
ดาวเตะวัย 20 ปี ได้รับการคาดมายว่าจะเป็นแข้งอนาคตของทีมชาติอังกฤษที่พร้อมก้าวขึ้นไปเบียดแย่งตำแหน่งกับบรรดารุ่นพี่อย่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, อาร์รอน วาน-บิสซาก้า, คีรน ทริปเปียร์, รีช เจมส์ และ ไคลน์ วอล์คเกอร์
11.แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ (แมนฯ ยูไนเต็ด)

ฤดูกาลนี้ถือเป็นปีที่ผลผลิตจากอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ดีหลายคนซึ่งหนึ่งในนั้นคือเจ้าหนู แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ที่ได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่เป็นฤดูกาลแรก และได้ลงเล่นในเกมลีกไป 12 นัดทำได้ 1 ประตู
อย่างไรก็ตามแม้ว่าช่วงหลังจะโดน ลุค ชอว์ แบ็กซ้ายรุ่นพี่เบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงคืน แต่ก็เชื่อว่าดาวเตะวัย 19 ปี จะมีอนาคตที่สดใสในแผนการทำทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อย่างแน่นอน
10.ท็อดด์ แคนท์เวลล์ (นอริช ซิตี้)

เพียงฤดูกาลแรกกับการเล่นบนลีกสูงสุดของอังกฤษมิดฟิลด์ดาวรุ่งเลือดผู้ดีก็สามารถแจ้งเกิดได้ทันที หลังโชว์ฟอร์มเด่นยิงไปแล้ว 6 ประตู กับ 2 แอสซิสต์จากการลงเล่น 29 เกมในลีก
ด้วยสไตล์การเล่นที่หวือหวามีทักษะในการเลี้ยงบอลที่ดี และการจ่ายบอลที่เฉียบคม ทำให้มีหลายทีมยักษ์ใหญ่ทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ตกเป็นข่าวให้ความสนใจมาแล้ว และหากต้นสังกัดต้องตกชั้นไปจริงๆ ก็น่าจะมีอีกหลายๆสโมสรที่จ้องกระชากตัวดาวเตะทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี มาร่วมทีม
9.เมสัน เมาท์น (เชลซี)

มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวอังกฤษเป็นหนึ่งในขุนพลเอกของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ในฤดูกาลนี้ โดยมีสถิติยิงไปแล้ว 6 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 29 เกมในลีก ซึ่งจากฟอร์มอันยอดเยี่ยมทำให้ดาวเตะวัย 21 ปี ถูก แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่มาแล้ว
8.รีซ เจมส์ (เชลซี)

ฟูลแบ็กเลือดผู้ดีถูกเรียกตัวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ โดยได้ประเดิมสนามนัดแรกในเกมพบ กริมสบี้ ทาวน์ ในศึกอีเอฟแอล คัพ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และเบิกสกอร์แรกได้ทันที ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ได้รับโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอกับตัวเลข 26 นัดทุกรายการ และมาทำประตูที่สองให้กับทีมชุดใหญ่ในเกมกับ อาแจ็กซ์ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
ความยอดเยี่ยมของดาวเตะวัย 20 ปี ทำให้ได้รับกาต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปถึง 2025 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าจะกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมได้อย่างแน่นอน รวมถึงน่าจะเป็นแคนดิเดตในการเบียดขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ในอนาคตได้อีกด้วย
7.เคอร์ติส โจนส์ (ลิเวอร์พูล)
.jpg)
มิดฟิลด์ชาวอังกฤษได้รับการจับตามองมาระยะหนึ่งแล้ว ก่อนจะก้าวขึ้นมาแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวให้ทีมชุดใหญ่ในซีซั่นนี้ พร้อมกับประเดิมซัดประตูแรกได้สำเร็จเริ่มตั้งแต่ในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 3 นัดเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ที่ต้นสังกัดเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 พร้อมได้รับการจารึกว่าเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในเกม เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ในวัย 18 ปี กับอีก 340 วันเท่านั้น พร้อมกับอีกหนึ่งประตูที่เสมอ ชรูว์สบิวรีทาวน์ 2-2 ในเอฟเอ คัพ รอบถัดมา
ความยอดเยี่ยมของแข้งวัย 18 ทำให้ได้รับการจับตามองว่าจะขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมได้ในอนาคตอันใกล้นี้ พร้อมยังถูกนำไปเปรียบเทียบกับตำนาน “หงส์แดง” อย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ผู้เป็นไอดอลของเจ้าหนูรายนี้อีกด้วย
6.ยาเฟต ทานกานก้า (สเปอร์ส)

สเปอร์ส ถือเป็นอีกหนึ่งสโมสรที่เน้นการปลุกปั้นดาวรุ่ง โดยเฉพาะในยุคของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อดีตกุนซือชาวอาร์เจนไตน์ แต่ถึงกระนั้นเมื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ ถูกแต่งตั้งให้เข้ามาสานงานต่อในฤดูกาลนี้ก็ยังให้โอกาสกับแข้งดาวรุ่งได้มีโอกาสขึ้นมาเฉิดฉายเช่นกัน
ปราการหลังชาวอังกฤษวัย 20 ปี ดูเหมือนจะเป็นลูกรักของกุนซ์อาวโปรตุกีสไปแล้ว หลังได้ลงเล่นเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลัง และทำผลงานได้น่าประทับใจโดยมีสถิติลงเล่นทั้งสิ้น 11 เกมทุกรายการ
5.บิลลี่ กิลมอร์ (เชลซี)

ฤดูกาลนี้ทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ให้โอกาสกับแข้งดาวรุ่งจนแจ้งเกิดได้หลายคน ซึ่งรวมถึงดาวเตะเลือดไอริชรายนี้ที่สามารถแจ้งเกิดได้เป็นรายล่าสุด ตามรอยทั้ง เมสัน เมาท์, แทมมี่ อับราฮัม และ รีซ เจมส์
ดาวเตะวัย 18 ปี ได้รับโอกาสประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-0 ในเกมเอฟเอคัพ รอบ 5 และคุมเกมแดนกลางได้ย่างหมดจด ก่อนจะได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงต่อเนื่องในเกมลีกที่เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 และแจ้งเกิดได้สำเร็จ พร้อมถูกยกย่องให้มีสไตล์การเล่นที่ใกล้เคียงกับทั้ง ชาบี และ อิเนียสต้า
4.เมสัน กรีนวู้ด (แมนฯ ยูไนเต็ด)
.jpg)
ดาวยิงชาวอังกฤษถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ซีซั่นที่ผ่านมาแล้ว ก่อนจะพัฒนาฝีเท้าจนได้รับโอกาสลงเล่นมากขึ้นในฤดูกาลนี้ โดยมีสถิติยิง 12 ประตูจากการลงเล่น 36 เกมในลีก เป็นอะไหล่ชิ้นสำคัญบนม้านั่งสำรอง
หากดาวเตะวัย 18 ปี ยังสามารถรักษาฟอร์มได้อย่างสม่ำเสมอ โอกาสที่จะเดินตามรอยรุ่นพี่ทีมชาติอย่าง มาคัส แรชฟอร์ด ในการก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมในอนาคตคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
3.ฟิล โฟเด้น (แมนฯ ซิตี้)
.jpg)
มิดฟิลด์ตัวรุกชาวอังกฤษลงเล่นกับทีมชุดใหญ่มาตั้งแต่ฤดูกาล 2016-17 เป็นต้นมา ก่อนที่จะมีผลงานดีขึ้นตามลำดับ และได้รับความไว้วางใจจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสเปนให้ลงเล่นมากขึ้นในซีซั่นนี้ โดยมีสถิติยิง 3 ประตู จาก 25 เกมทุกรายการ
แน่นอนว่า เป๊ป ได้วางเจ้าหนูวัย 19 ปี ให้เป็นอนาคตของทีมไปแล้วเพื่อมาตัวแทนของ ดาบิด ซิลบา ที่เตรียมอำลาทีมหลังจบซีซั่นนี้
2.บูกาโย่ ซาก้า (อาร์เซน่อล)

ฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล มีแข้งดาวรุ่งในทีมชุดใหญ่หลายรายทั้ง บูกาโย่ ซาก้า, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์, รีส เนลสัน, โจ วิลล็อค และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่ได้รับโอกาสลงเล่นจนได้รับการจับตามอง
อย่างไรก็ตาม หากจะพูดถึงดาวรุ่งฟอร์มแรงที่สุดในเวลานี้ของ “ปืนใหญ่” คงต้องยกให้กับแข้งสารพัดประโยชน์ชาวอังกฤษอย่างแท้จริง หลังการบาดเจ็บของ เซอัด โคลาซินัช แบ็กซ็ายตัวหลักบาดเจ็บต้องพักยาว ทำให้ ซาก้า ต้องถอยไปยืนเป็นแบ็กซ้ายจำเป็น ก่อนจะโชว์ฟอร์มสุดยอด จากผลงาน 2 ประตูกับ 8 แอสซิสต์ จนแจ้งเกิดได้สำเร็จ
ความยอดเยี่ยมของดาวเตะวัย 18 ปี ทำให้เขาตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับทั้ง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กับ ลิเวอร์พูล ที่พร้อมร่วมวงล่าลายเซ็นของเขาไปร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้
1.แทมมี่ อับราฮัม (เชลซี)

สถานการณ์สร้างวีรบุรุษน่าจะเป็นประโยคที่เหมาะกับ อับราฮัม ได้อย่างดี หลังจากที่ เชลซี ติดโทษห้ามลงทะเบียนนักเตะหน้าใหม่ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาทำให้พวกเขาจำเป็นต้องเรียกตัวดาวยิงทีมชาติอังกฤษกลับมาใช้งานอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการกระหน่ำไปถึง 15 ประตู จากการลงเล่น 34 เกมทุกรายการ และกลายเป็นกำลังสำคัญให้ทีม “สิงห์บลูส์” มีผลงานที่ดีเกินคาดในซีซั่นนี้
นอกจากนี้ดาวเตะวัย 22 ปี ก็เพิ่งทำประตูแรกกับทีมชาติอังกฤษุดใหญ่ได้เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาด้วย