SHARE

“เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค สามารถคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 7 ติดต่อกัน แต่เป็นฤดูกาลที่ต้องต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์แชมป์อย่างเข้มข้นและลำบากที่สุด เมื่อพวกเขามาซิวแชมป์ได้ในเกมสุดท้ายของการแข่งขัน โดยทำแต้มเหนือโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ทีมคู่แข่งเพียง 2 คะแนน อย่างไรก็ดีในฤดูกาลนี้เราได้เห็นว่าปัจจัยสำคัญของความสำเร็จของบาเยิร์นในฤดูกาลนี้มาจากฟอร์มของนักเตะยอดเยี่ยมของพวกเขานั่นเอง

นักเตะที่โดดเด่นของบาเยิร์นในซีซั่นที่ผ่านมาได้แก่ดาวซัลโวเจ้าเก่าอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่คว้ารางวัล “ทอร์เยเกอร์คาโนเน่อ” (Torjagerkanone) หรือรางวัลดาวซัลโวสูงสุดได้เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปีจากผลงาน 22 ประตูในบุนเดสลีกา รวมทั้ง โยชัว คิมมิช ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นแบ็คขวาที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง หลังทำผลงานยอดเยี่ยมจ่าย 13 แอสซิสต์ และมีอัตราจ่ายบอลสำเร็จสูงถึง 91% นอกจากนี้ยังมี ดาวิด อลาบา, ติอาโก้ อัลคันทาร่า และ นิคลาส ซือเล่อ ที่โชว์ฟอร์มเก่งได้สม่ำเสมอจนช่วยทีมสร้างความสำเร็จในฤดูกาลนี้ได้

แต่ นาบรี้ คือนักเตะที่โดดเด่นที่สุดท่ามกลางแข้งดังรายอื่นๆ เจ้าตัวผ่านการค้าแข้งให้กับหลายสโมสรนับตั้งแต่อาร์เซนอล, เวสต์บรอมวิช อัลเบียน, แวร์เดอร์ เบรเมน, ฮอฟเฟนไฮม์ และในฤดูกาลที่ผ่านมาถือเป็นฤดูกาลแรกที่เขาลงเล่นในสีเสื้อทีมบาเยิร์นอย่างเต็มตัว

“เราคิดว่าเราน่าจะดึงตัวเขากลับมาได้แล้ว และมาดูกันว่าเขาจะสามารถลงเล่นได้สม่ำเสมอรึเปล่า” อูลี เฮอเนส กล่าวถึงนาบรี้หลังเสือใต้ปล่อยตัวเขาให้ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ยืมตัวไปค้าแข้งในถิ่นเวียร์โซล ไรน์-เน็คคาร์-อารีน่า และแม้นิโก้ โควัชจะเลือกใช้ “ร็อบเบรี” คู่หูปีกจรวดเป็นตัวเลือกแรกตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล แต่นาบรี้สามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงได้สำเร็จในช่วงเดือนพฤศจิกายน

ด้วยอาการบาดเจ็บของร็อบเบนและริเบรี กุนซือนิโก้ โควัชจึงต้องเปลี่ยนมาใช้ระบบ 4-2-3-1 ตั้งแต่ช่วงคริสต์มาส ทำให้นาบรี้ได้โอกาสลงเล่นในแผงรุกของเสือใต้มากขึ้นโดยที่มีเลวานดอฟสกี้ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ส่วนนาบรี้เล่นในตำแหน่งปีกซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาถนัดและอดีตแข้งฝึกหัดจากสตุ๊ตการ์ทสามารถใช้โอกาสนั้นได้อย่างคุ้มค่า

7 จาก 10 ประตู ที่นาบรี้ทำได้ในฤดูกาลที่ผ่านมาเกิดขึ้นในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังที่บาเยิร์นโกยแต้มไล่กวดและแซงหน้าดอร์ทมุนด์ได้ในที่สุด ซึ่งมีเพียงเลวานดอฟสกี้เท่านั้นที่ยิงได้มากกว่าเขา นาบรี้กลายเป็นนักเตะคนที่สามในประวัติศาสตร์ที่ยิงได้สิบประตูขึ้นไปให้กับ 3 สโมสรใน 3 ฤดูกาล (ยิง 11 ประตูให้เบรเมน และ 10 ประตูให้ฮอฟเฟนไฮม์) แต่จริงๆ แล้วยังมีอะไรมากกว่าตัวเลขประตูที่ยิงได้ นาบรี้คือนักเตะที่ยืนตำแหน่งได้ดีและเล่นได้ทั้งสองเท้า แถมยังเร่งสปีดสูงสุดได้ถึง 21.6 ไมล์ต่อชั่วโมง สร้างความปวดหัวให้กับกองหลังคู่แข่งได้ดีสุดๆ

สำหรับทีมบาเยิร์นเมื่อมีนาบรี้ลงสนามเป็น 11 ตัวจริงจะมีสถิติเก็บแต้มได้เฉลี่ย 2.6 คะแนนต่อเกม ยิงได้ 2.8 ประตูและเสีย 0.8 ประตูต่อเกม แต่เมื่อนาบรี้ไม่ได้ลงตัวจริงสถิติจะลดลงเหลือ 2.3 ประตูต่อเกม และเสีย 1.2 ประตูต่อเกม จะเห็นได้ว่านอกจากเกมรุกแล้ว นาบรี้ยังมีส่วนช่วยลดการเสียประตูได้มาก เพราะช่วยเบรกการเติมเกมของแบ็คขวา (หรือบางครั้งก็แบ็คซ้าย) ทีมคู่แข่งและต้องพะวงหลังอยู่เสมอจนไม่สามารถขึ้นไปช่วยเพื่อนบุกได้

ในที่สุดนาบรี้กลายเป็นนักเตะที่น่าจับตาคนหนึ่งในบุนเดสลีกา ท่าดีใจของเขาที่เลียนแบบ เจมส์ ฮาร์เดน ในศึกบาสเกตบอลเอ็นบีเอกลายเป็นที่สนใจ เฮอเนสกล่าวว่า “ตอนนี้เขาคือนักเตะตัวจริงของทีม คือนักเตะที่สร้างความฮือฮาและเป็นเซอร์ไพรส์ที่ใหญ่ที่สุดของฤดูกาลในด้านดี!”

งานนี้ เลวานดอฟสกี้ และ คิมมิช คงต้องยอมให้เขาบ้างล่ะ