SHARE

คู่แรก “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค พักผู้เล่นมากพอสมควร โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ไม่มีชื่อในเกมนี้ หัวหอกตัวจริงให้โอกาส มักซิม ชูโป-โมติง ยืนค้ำ ใส่ เลรอย ซาเน่-แซร์จ นาร์บี้ สนับสนุน ฟาก “แพะบ้า” โคโลญจน์ มีตัวความหวังสู้นัดนี้อยู่ที่ เซบาสเตียน อันเดอร์สสัน

เกมนี้ผ่านถึงนาทีที่ 13 มาริอุส โวล์ฟ ฟูลแบ็กเจ้าถิ่นไปทำแฮนด์บอล กรรมการชี้ไปที่จุดโทษ และเป็น โธมัส มุลเลอร์ สังหารเข้าไป ก่อนที่ช่วงทดเจ็บนาทีแรก แซร์จ นาร์บี้ กระชากบอลลุยเดี่ยวมาทางขวาของสนามเข้าไปเขตโทษ แล้วหวดผ่านตัวนายทวารเจ้าบ้านตุงตาข่าย จบครึ่งแรก บาเยิร์น นำห่าง 2-0

ครึ่งหลังกลายเป็นเจ้าบ้านไล่ตามมาแม้ต้องลุ้นหนักนิดหน่อย เมื่อ ยาน ทิเอลมันน์ ที่ยิงบอลไปถูกโดมินิค ดรักซ์เลอร์ ตัวสำรองอยู่ตำแหน่งล้ำหน้าเบี่ยงตัวหลบบอล เชิ้ตดำวิ่งไปดูวีเออาร์ก่อนตัดสินให้เป็นประตู แต่ก็เท่านั้นจบเกม บาเยิร์น มิวนิค บุกชนะ โคโลญจน์ 2-1 ขึ้นหัวฝูงชั่วคราว

ข้ามมาดู “เสือเหลือง” ดอร์ทมุนด์ นายใหญ่อย่าง ลูเซียง ฟาฟร์ ส่งสตาร์แบบหมุนทีม แต่ “เจดอน ซานโช่” ยังลงทำหน้าที่ลากเลื้อยเช่นเคย ส่วน “เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์” ไร้ชื่อเกมนี้คาดรอเล่นเกมยุโรปกลางสัปดาห์ เจ้าถิ่นน้องใหม่ อาร์เมเนีย บีเลเฟลด์ อูเว่ นอยเฮาส์ กุนซือของทีมใส่ผู้เล่นชุดใหญ่ “ฟาเบียน คลอส” ดาวยิงตัวหลักเป็นทีเด็ด

ช่วง 45 นาทีแรกทัพ เสือเหลือง ไม่สามารถเจาะตาข่ายคู่แข่งได้ เสมอกันอยู่ 0-0 ทว่าเกมครึ่งหลัง ดอร์ทมุนด์ บุกหนักก่อนมาได้สองเม็ดเมื่อ เจดอน ซานโช่ ครอสบอลเข้าในเขตโทษ และเป็น มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ เติมเข้ามาซ้ำลูกโหม่งชงของเพื่อนร่วมทีมเสียบเสาด้านขวาเข้าไป ในนาทีที่ 53

และเป็นแนวรับอดีตดีกรีทีมชาติเยอรมัน โขกลูกโยนของ ธอร์กก็อง อาซาร์ ตุงตาข่ายเป็นลูกที่สองของเจ้าตัวเกมนี้ ช่วงนาทีที่ 71 จบแมตช์ ดอร์ทมุนด์ อัด อาร์เมเนีย บีเลเฟลด์ ถึงถิ่น 2-0 มีคะแนนเท่า บาเยิร์น แต่ประตุได้เสียเป็นรอง