เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตำนานกองหลังของ ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แสดงความเชื่อว่าในฤดูกาลนี้ “หงส์แดง” ควรจะมองข้าม เอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ เพื่อที่จะได้ช่วยให้ทีมมีโอกาสได้แชมป์ลีกมากขึ้น
ยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ กำลังมีลุ้นได้แชมป์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1989-90 หลังจากที่พวกเขาเป็นจ่าฝูงของลีกด้วยผลงาน 34 คะแนน จากการลงเล่น 12 นัด ทิ้งห่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมในอันดับ 2 อยู่ถึง 8 คะแนน และขนาด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ว่ากันว่ามีขุมกำลังรวมถึงศักยภาพสูสีกับ ลิเวอร์พูล มากที่สุด ก็ยังตามหลังทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ห่างถึง 9 แต้มเลยทีเดียว
คาร์ราเกอร์ เผยว่า “ผมรู้ดีว่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล หลายคนคงไม่พูดอะไรแบบนี้ และแน่นอนว่าสโมสรก็คงไม่พูดเรื่องแบบนี้เหมือนกัน แต่มันไม่ควรจะมีอะไรมาขวางทาง ลิเวอร์พูล สำหรับการได้แชมป์ลีก มันไม่ควรจะมีอะไรมาเป็นอุปสรรคทั้งนั้น ความหมายของผมก็คืออย่าส่งใครก็ตามในชุดตัวจริงของคุณ (ในลีก) ลงเล่นในเกม คาราบาว คัพ เด็ดขาด”
“คือถ้าเกิดในซีซั่นหน้า ลิเวอร์พูล อยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับในตอนนี้โดยที่ได้แชมป์ลีกในฤดูกาลนี้เนี่ย ผมก็คงไม่ออกมาพูดอะไรแบบนี้หรอก ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงจะพูดว่า -เราคือ ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ เราควรจะพยายามคว้าแชมป์มาครองให้ได้หลายรายการ- แต่การที่ตอนนี้เรารอแชมป์ลีกมานานมากมันก็ทำให้ไม่ควรจะมีอะไรมาขวางทาง ลิเวอร์พูล สำหรับการได้แชมป์ลีก”
“ตอนนี้ คล็อปป์ ก็ถือเป็นตำนานของ ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ อยู่แล้ว จากการที่ช่วยให้ทีมได้แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ แต่ถ้าเขาได้แชมป์ลีกเพิ่มแล้วล่ะก็ เขาก็จะอยู่ในระดับเดียวกับ (บิลล์) แชงค์ลี่ย์ และ (บ็อบ) เพสลี่ย์ เลยทีเดียว เขาจะเป็นคนที่นำแชมป์ลีกกลับมาสู่ แอนฟิลด์ ได้ แต่การได้แชมป์ เอฟเอ คัพ หรือ ลีก คัพ มันจะไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์”
“ดังนั้นสำหรับผมแล้วเกมกับ นาโปลี (ในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) น่ะ ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องชนะให้ได้ เพื่อที่จะพวกเขาจะได้แทบการันตีการเข้ารอบทั้งที่ยังเหลือนัดสุดท้ายอยู่ แน่นอนว่าพวกเขาคงออกมาพูดเรื่องอย่างนี้แบบเป็นทางการไม่ได้หรอก แต่ใน เมลวู้ด น่ะนะ ผมมั่นใจว่ามันมีการคุยเรื่องนี้กันแล้ว”
“สำหรับผมแล้วศึกชิงแชมป์สโมสรโลกมันสำคัญมากๆ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ ลีก คัพ เยอะมากที่สุดเป็นสถิติอยู่แล้ว และพวกเขาก็จะมีโอกาสได้แชมป์รายการนั้นอีกอยู่ดี ขณะที่ในศึกชิงแชมป์สโมสรโลกน่ะ เราอาจจะต้องรอถึง 20 ปีกว่าที่จะมีโอกาสอย่างนั้นอีกครั้ง ถ้าเกิดฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ศึกชิงแชมป์สโมสรโลก และแชมป์ลีกแล้วล่ะก็ มันก็จะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากๆ เพราะเดิมทีพวกเขาก็ได้แชมป์ ซูเปอร์ คัพ ไปก่อนแล้ว”