1.บิเอลซ่าไม่พลาดแล้ว
.jpg)
ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่งตั้ง มาร์เชโล่ บิเอลซ่า กุนซือชาวอาร์เจนติน่าในเดือนมิถุนายนปี 2018 ทำให้พวกเขากลายเป็นที่น่าจับตามองมาก เนื่องจากกุนซือคนนี้มีโปรไฟล์น่าสนใจทั้งการคุมชาติชิลี, แอธเลติก บิลเบา, โอลิมปิก มาร์กเซย, ลาซิโอ, และลีลล์ แม้แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่แมนฯซิตี้ยังยกย่องว่า บิเอลซ่า คือผู้จัการทีมที่เก่งที่สุดในโลก
ลีดส์ เริ่มต้นฤดูกาล 2018-19 ได้อย่างยอดเยี่ยมและเกาะอยู่ในกลุ่มผู้นำมาตลอดจนกระทั่ง 9 นัดสุดท้ายพวกเขาดันหลุดฟอร์มพ่ายแพ้ 5 จาก 9 นัดหลังสุดทำให้ร่วงจากอันดับ 2 ลงมาและต้องไปเล่นเพลย์ออฟเลื่อนชั้น ก่อนที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ตอนนั้นคุมทีมดาร์บี้จะหักอก บิเอลซ่า ด้วยการเขี่ยลีดส์ตกรอบ
หลังจบฤดูกาลอนาคตของ บิเอลซ่า เริ่มไม่แน่นอนแม้ว่าเขาจะเซ็นสัญญาไว้ 2 ปีแต่ในสัญญามีเงื่อนไขระบุว่าสโมสรมีสิทธิ์จะต่อหรือยกเลิกสัญญาได้เมื่อผ่านพ้นปีแรก แต่เจ้าตัวยืนยันว่าพร้อมอยู่ช่วยทีมต่อ และแน่นอนว่า ลีดส์ ก็ทำตามใจด้วยต่อสัญญา บิเอลซ่า ออกไปอีกหนึ่งปี
ฤดูกาลนี้ บิเอลซ่า ไม่พลาดอีกแล้ว เขาพาลีดส์เก็บ 16 แต้มจาก 7 เกมแรกของฤดูกาลพร้อมกับยึดจ่าฝูง โดยตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน ลีดส์ ไม่หลุดออกจากท็อป 2 ของตารางเลย หลายคนกลัวว่าช่วงท้ายฤดูกาล ลีดส์ จะฟอร์มหลุดอีกครั้งแต่ทว่านับตั้งแต่กลับมารีสตาร์ทลีก ทัพ “ยูงทอง” คว้าชัย 5 จาก 7 เกมเลยทีเดียว นี่เป็นสิ่งที่ บิเอลซ่า พัฒนาขึ้นจากฤดูกาลก่อน
บิเอลซ่า มีสถิติคว้าชัย 54 นัดจาก 98 เกมที่คุมทัพลีดส์ซึ่งคิดเป็น 55% ถือเป็นเปอร์เซนต์ที่ดีที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา 100 ปี
3.ส่องดาวเด่นประจำทีม
.jpg)
นักเตะลีดส์ชุดนี้พอจะมีแข้งที่แฟนบอลคุ้นเคยอยู่บ้างไม่ว่าจะเป็น ปาโบล เอร์นานเดซ อดีตแข้งดังแห่งลาลีกา สเปนซึ่งเคยสัมผัสเวทีพรีเมียร์ลีกกับ สวอนซี ซิตี้ ปัจจุบันเขาก้าวเข้าสู่วัย 35 ปีแล้วแต่ยังคงเป็นตัวหลักของ ลีดส์ มานับตั้งแต่ปี 2016 โดยฤดูกาลที่แล้วเขาทำ 33 ประตู 35 แอสซิสต์จากการลงเล่น 128 นัดกับสโมสร (ฤดูกาลนี้ยิง 8 ประตู 7 แอสซิสต์)
ดาวซัลโวในทีมตกเป็นของ แพทริค แบมฟอร์ด อดีตนักเตะเชลซีซึ่งยิงประตูในฤดูกาลนี้ 16 ลูกจากการลงเล่น 43 นัดในลีก คิดเป็นจำนวน 212 นาทีต่อ 1 ประตู ด้านแจ็ค แฮรรีสัน ปีกซ้ายของทีมก็มีสถิติดีเช่นกันหลังทำ 6 ประตูกับ 8 แอสซิสต์จากการลงเล่น 44 นัดในลีก
4.เสริมทัพดีไม่เปลือง
.jpg)
เมื่อเจ้าของทีม อันเดรีย ราดริซซานี่ แต่งตั้ง บิเอลซ่า ในปี 2018 พวกเขาบอกกับกุนซือชัดเจนว่าอาจไม่มีเงินจำนวนมากในการเสริมทัพแต่เขานำกุนซือคนนี้มาเพื่อพัฒนานักเตะที่มีอยู่มากกว่า ดังนั้นนักเตะส่วนใหญ่จะเข้ามาในราคาถูกหรือมาในสถานะยืมตัว
เป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกันหากจะเลือกการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดในช่วงที่ บิเอลซ่า คุมทัพ อย่าง แพทริค แบมฟอร์ด (7.11 ล้านปอนด์) อดีตศูนย์หน้าเชลซี ช่วยยิงถล่มทลายถึง 16 ประตูเป็นส่วนสำคัญในการพาทีมเลื่อนชั้น
ขณะที่อีกหนึ่งแนวรุกริมเส้นอย่าง แจ็ค แฮร์รีสัน นักเตะตัวยืมจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมหลังซัด 6 ประตูและทำ 8 แอสซิสต์ ด้าน กีโก้ กาซีย่า (ฟรี) อดีตนายด่านเรอัล มาดริดก็เข้ามาเป็นนายทวารตัวหลักให้กับทีมแม้ช่วงนี้โดนแบนยาวจากกรณีเหยียดผิว
เฮลเดอร์ คอสต้า ถูกยืมตัวมาจาก วูล์ฟส์ และเข้ามาเพิ่มความหลากหลายในแนวรุก ด้วยความเร็วและการทะลวงคู่แข่งเป็นสิ่งที่ ลีดส์ ขาดหายไปในฤดูกาลที่แล้ว เจ้าตัวก็เข้ามาเติมเต็มและเป็นคีย์แมนในหลายๆประตูที่ทีมทำได้ พร้อมทำสถิติยิง 4 ประตูทำ 4 แอสซิสต์จากการลงเล่น 43 นัด ด้วยผลงานที่ดีสโมสรก็ทำการซื้อขาดในราคา 15.93 ปอนด์เมื่อช่วงเดือนมถุนายนที่ผ่านมา ถือเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในยุคของ บิเอลซ่า
อย่างไรก็ตามมีนักเตะคนหนึ่งที่น่าสนใจมากเมื่อเซ็นสัญญาเข้ามาในทีม ตอนที่ ลีดส์ เลือกที่จะปล่อย พอนตุส ยานส์สัน กองหลังคนสำคัญไปยัง เบรท์ฟอร์ด ถือเป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับแฟนยูงทองเป็นอย่างมาก และ บิเอลซ่า เลือกที่จะยืม เบน ไวท์ กองหลังวัย 21 ปีมาจากไบรท์ตัน ซึ่งมีประสบการณ์แค่การยืมตัวไปอยู่ นิวพอร์ต ในลีกทู และปีเตอร์โปโร่ ในลีกวัน
ทว่า ไวท์ โชว์ฟอร์มสุดยอดในฤดูกาลนี้ ขยับขึ้นมาเป็นเซนเตอร์แบ็กที่ระดับท็อปของลีกแชมเปี้ยนชิพเลยทีเดียว แถมด้วยความยอดเยี่ยมของเขาเมื่อครองบอลกับตัว บางครั้ง ไวท์ ก็ถูกจับขึ้นไปเล่นในแดนกลางเพื่อแทนที่นักเตะที่เจ็บหรือโดนแบน ลีดส์ คงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาอยู่กับทีมต่อไปในฤดูกาลหน้า
4.แมตช์สำคัญ
.jpg)
ฤดูกาลนี้ทัพ “ยูงทอง” ออกสตาร์ทลีกได้ดีเยี่ยมจนกระทั่งในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม พวกเขากลับชนะแค่ 3 นัดจาก 8 นัด แต่ยังเกาะกลุ่มผู้นำโดยอยู่อันดับ 3 บนตารางคะแนน อย่างไรก็ตามในตอนนั้นตารางคะแนนยังสูสีกันหลายทีม พวกเขามีแต้มห่างจากอันดับ 11 อย่าง เบอร์มิงแฮม อยู่เพียงแค่ 3 แต้มเท่านั้น
แน่นอนว่าแข้งลีดส์คงย้ำอยู่ในใจตัวเองเสมอว่าพวกเขาไม่ต้องการเล่นเพลย์ออฟเพราะอาจลงเอยเหมือนฤดูกาลที่แล้ว พอเข้าเดือนพฤศจิกายน ทัพ “ยูงทอง” กลับมาคืนฟอร์มพร้อมคว้าชัยชนะ 7 นัดรวดเลยทีเดียว
เกมสุดสำคัญมาจากชัยชนะครั้งที่ 3 ซึ่งทำให้พวกเขาขยับขึ้นรองจ่าฝูงของตาราง โดยเกมนี้ แพทริค แบมฟอร์ด ยิงประตูขึ้นนำให้ ลีดส์ ในนาที 51 ทว่า 3 นาทีต่อมาเจ้าบ้าน ลูตัน ทาวน์ กดประตูตีเสมอทันควันและเกมลากมาถึงนาทีสุดท้ายแล้ว
ยูงทอง บุกครั้งสุดท้ายของเกมและกลายเป็น แมตตี้ เพียร์สัน กองหลังลูตันทำเข้าประตูตัวเองจนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป ขณะที่วันเดียวกันนั้น เปรสตัน ปราชัยให้กับ ดาร์บี้ ส่งผลให้ ลีดส์ มีแต้มห่างจากอันดับ 3 อยู่ 3 แต้ม และพวกเขาก็ไม่เคยตกลงไปเลยกว่ารองจ่าฝูงอีกเลย
5.สถิติน่าทึ่ง
.jpg)
เป็นเวลาทั้งหมด 16 ปีที่ “ยูงทอง” ห่างหายไปจากลีกสูงสุด พวกเขาเล่นพรีเมียร์ลีกครั้งสุดท้ายในปี 2004 หลังจากนั้นก็ไม่เคยสัมผัสอีกเลย โดยพวกเขาลงเล่นไปทั้งหมด 734 นัดในลีกแชมเปี้ยนชิพ, ต้องยิงถึง 1,003 ประตู, ต้องใช้ผู้เล่นถึง 268 คน, ต้องใช้กุนซือถาวรถึง 15 คนและต้องชนะมาถึง 28 สโมสร กว่าไต่เต้าขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ
ฤดูกาลนี้ ลีดส์ มีสถิติชนะ 26 เสมอ 9 และแพ้ 9 มี 87 แต้ม พวกเขาต้องการอีกหนึ่งแต้มเพื่อเป็นแชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพ มารอดูกันว่าจะทำได้หรือไม่